WooCommerce SEO: ยกระดับอันดับการค้นหาให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณ

ใช้พลังของ SEO เพื่อเพิ่มทราฟฟิกและยอดขายให้กับร้าน WooCommerce ของคุณ

WooCommerce SEO เป็นกุญแจสำคัญสำหรับร้านค้าออนไลน์ที่ต้องการเพิ่มการมองเห็นและเข้าถึงในผลการค้นหาของเสิร์ชเอนจิน ด้วยความเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยม WooCommerce มอบความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับแต่ง SEO ที่เมื่อใช้อย่างเต็มที่ จะช่วยเพิ่มการปรากฏตัวของร้านค้าคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราใช้กลยุทธ์ SEO เฉพาะทางที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ของคุณ ดึงดูดทราฟฟิกที่ตรงเป้าหมาย และเพิ่มจำนวนลูกค้า

กระบวนการทำ SEO ของเราสำหรับร้านค้า WooCommerce เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับสถานะ SEO ปัจจุบันและการสำรวจคู่แข่ง การวิเคราะห์นี้ช่วยระบุจุดที่ต้องปรับปรุงและโอกาสในการเอาชนะคู่แข่ง จากนั้นเราจะมุ่งเน้นไปที่การปรับแต่งทุกแง่มุมของเว็บไซต์ ตั้งแต่ปัจจัยทางเทคนิค เช่น ความเร็วของเว็บไซต์และการรองรับมือถือ ไปจนถึงองค์ประกอบบนหน้า เช่น คำอธิบายสินค้า เมตาแท็ก และ URL เราทำให้แน่ใจว่าคอนเทนต์ทั้งหมดได้รับการเสริมด้วยคีย์เวิร์ดที่ถูกวิจัยมาอย่างดี ซึ่งลูกค้าของคุณมักใช้ในการค้นหาสินค้า

นอกจากนี้ เราจะปรับโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณเพื่อให้การใช้งานและการนำทางเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งสำหรับผู้ใช้และการค้นหาของเสิร์ชเอนจิน ซึ่งรวมถึงการจัดระเบียบเนื้อหาอย่างเป็นระบบ ปรับแต่งหน้าเพจหมวดหมู่ และใช้กลยุทธ์การเชื่อมโยงภายในที่มีประสิทธิภาพ ช่วยกระจายความสำคัญของเพจและเพิ่มอันดับการค้นหา

กลยุทธ์ SEO ของเรายังรวมถึงการสร้างโปรไฟล์ลิงก์ภายนอกที่แข็งแกร่ง โดยการรับลิงก์ย้อนกลับคุณภาพสูงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือในอุตสาหกรรม ซึ่งจะไม่เพียงเพิ่มอำนาจและความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ในสายตาของเสิร์ชเอนจิน แต่ยังช่วยดึงดูดทราฟฟิกโดยตรงจากการอ้างอิง

ด้วยกลยุทธ์ SEO ที่ปรับให้เหมาะสมกับความต้องการและเป้าหมายเฉพาะของร้านค้า WooCommerce ของคุณ เราช่วยให้คุณไม่เพียงแต่ติดอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา แต่ยังเพิ่มการมองเห็นและการมีส่วนร่วม ทำให้คุณได้รับอัตราการแปลงที่สูงขึ้นและการเติบโตทางธุรกิจที่ยั่งยืน

Enhanced Search Engine Visibility

Read more

One of the key benefits of implementing effective WooCommerce SEO is significantly increased visibility in search engine results. By optimizing your store's content with relevant keywords, improving your site's structure, and ensuring technical SEO elements are in place, your store becomes more discoverable to potential customers. This improved visibility leads to more organic traffic, as your store appears in search results for queries related to your products. Higher visibility in search engines is crucial for driving organic traffic without the continual cost associated with paid advertising.

Higher Organic Traffic and Conversion Rates

Read more

Effective WooCommerce SEO attracts more targeted traffic to your store. Users who find your site through search engines are typically looking for products you offer, making them highly qualified prospects more likely to convert into paying customers. By optimizing product pages and descriptions, enhancing the user experience, and ensuring your site loads quickly and is easy to navigate, SEO helps convert the increased traffic into sales, boosting your overall conversion rates.

Cost-Effective Marketing

Read more

SEO is one of the most cost-effective marketing strategies available for WooCommerce store owners. Unlike paid advertising that requires ongoing expenditure, the effects of SEO are long-lasting. Once your site ranks highly in search results, it continues to attract visitors without additional investment per click or impression. This provides a sustainable return on investment, as the organic traffic generated by SEO does not incur direct costs and continues to benefit your business long after the initial SEO efforts.

Improved User Experience

Read more

SEO involves optimizing the entire user experience on your WooCommerce site, from loading speeds to navigation and mobile responsiveness. Search engines favor websites that provide a good user experience, often reflected in higher search rankings. A well-optimized site not only helps in improving your rankings but also ensures that visitors have a positive interaction with your store, increasing the chances of repeat visits and customer loyalty.

Competitive Advantage

Read more

Effective SEO can give your WooCommerce store a competitive edge in the crowded online marketplace. By achieving higher rankings in search results, your store gains credibility and authority in your industry, setting you apart from competitors. This advantage is crucial for small to medium-sized businesses competing against larger players with bigger marketing budgets. A strong SEO foundation makes it possible for smaller stores to compete on equal footing by focusing on niche markets or specialized product lines.

Long-Term Business Growth

Read more

Implementing a robust SEO strategy for your WooCommerce store contributes to sustainable long-term business growth. By continuously attracting high-quality traffic, improving conversion rates, and enhancing user satisfaction, SEO helps build a solid foundation for your business. Over time, this leads to increased brand recognition, a broader customer base, and enhanced customer retention. These factors are essential for any business looking to expand its reach and increase its market share over time.

โปรเจกต์

สำรวจผลงาน
โปรเจกต์โดดเด่นของเรา

คุณสมบัติเด่นของบริการ

สัมผัสประสบการณ์บริการที่ยอดเยี่ยม
อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

SEO-Friendly Content Creation

Read more

Crafting SEO-friendly content is crucial for enhancing your WooCommerce store's visibility and attracting more customers. Our approach involves creating compelling, keyword-rich product descriptions and blog content that are optimized for search engines. We meticulously research and integrate relevant keywords that potential customers use to search for your products, ensuring these terms are naturally incorporated into the content. This not only helps in improving your search engine rankings but also enhances the appeal and readability of your content, making it more engaging for visitors. By providing valuable and informative content, we help establish your site as a credible resource, encouraging longer visits and repeat traffic, which are critical factors for SEO success.

Technical Optimization

Read more

Ensuring that your WooCommerce store is technically optimized is key to improving its performance in search engine rankings. This service focuses on enhancing the structural elements of your website, such as improving site speed, ensuring mobile responsiveness, and securing your website with HTTPS. We optimize your site’s architecture to make it easy for search engines to crawl and index your pages efficiently. Additionally, we implement measures to increase the loading speed of your pages, as faster sites provide a better user experience and are favored by search engines. By making your site mobile-friendly, we ensure that it performs well across all devices, which is crucial as mobile usage continues to rise and impacts SEO rankings.

Backlink Strategy

Read more

Building a robust backlink profile is essential for enhancing your WooCommerce store’s authority and improving its rankings in search engine results. Our backlink strategy involves identifying and securing high-quality links from reputable and relevant websites within your industry. These backlinks serve as endorsements of your website’s credibility, signaling to search engines that your site is a trusted source of information and products. By increasing the number and quality of backlinks pointing to your site, we boost your store’s authority, which is a critical factor in search engine algorithms. This strategic approach not only enhances your site’s SEO performance but also drives targeted referral traffic, contributing to increased visibility and sales.

Allianz logo
JLL
Cisco
Eucerin
Kudan and Partner
Manhattan Business Hotel
Misumi
PTTDigital
Schneider
Sunlee
Thai Plastwood

คำรับรองจากลูกค้า

ฟังเสียงจากลูกค้าของเรา

Vault Mark เปลี่ยนแปลงการปรากฏตัวออนไลน์ของร้าน WooCommerce ของเราได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านบริการ SEO ของพวกเขา การสร้างคอนเทนต์ที่เป็นมิตรกับ SEO ทำให้อันดับการค้นหาของเราดีขึ้นอย่างชัดเจน และยังเพิ่ม engagement ของลูกค้าบนเว็บไซต์ด้วย คำอธิบายสินค้าและคอนเทนต์ที่พวกเขาพัฒนาขึ้นทั้งให้ข้อมูลและดึงดูด ทำให้ลูกค้าอยู่บนเว็บนานขึ้น และ conversion rates ก็เพิ่มขึ้น เรารู้สึกดีมากกับทราฟฟิกแบบ organic ที่เพิ่มขึ้นและยอดขายที่เติบโตขึ้น

ฐิติรัตน์ วงวัตร
eCommerce Director

บริการปรับแต่งด้านเทคนิคของ Vault Mark ทำให้เว็บของเราดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์และการใช้งานบนมือถือ ซึ่งช่วยให้อันดับการค้นหาและประสบการณ์ของผู้ใช้ดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ความใส่ใจในรายละเอียดและการปรับตัวตามเทรนด์ SEO ล่าสุดของพวกเขาช่วยให้เราอยู่เหนือคู่แข่งในตลาดที่แข่งขันสูงได้เสมอ

ศุภชัย ธนกิจ
Online Marketing Manager

กลยุทธ์การสร้างแบ็คลิงก์ของ Vault Mark ยกระดับร้าน WooCommerce ของเราไปอีกขั้นในด้านการจัดอันดับบนเสิร์ชเอนจิ้น ทีมของพวกเขาสร้างแบ็คลิงก์คุณภาพจากแหล่งที่น่าเชื่อถือในอุตสาหกรรมของเรา ทำให้ความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เพิ่มขึ้นและการมองเห็นดีขึ้นแบบชัดเจน ผลลัพธ์คือทราฟฟิกและยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ต้องขอแนะนำบริการของพวกเขาเลยสำหรับใครที่ต้องการยกระดับธุรกิจ eCommerce ของตัวเอง

ณรงค์ เพชรรัตน์
เจ้าของธุรกิจ

FAQ

คำถามที่พบบ่อย:
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

WooCommerce SEO คือกระบวนการเชิงกลยุทธ์ในการปรับแต่งร้านค้าออนไลน์ที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม WooCommerce เพื่อเพิ่มการมองเห็นในหน้าผลการค้นหาของเสิร์ชเอนจิน (SERPs) การทำ SEO สำหรับ WooCommerce มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการดึงดูดทราฟฟิกแบบ Organic และเพิ่มยอดขาย การทำ WooCommerce SEO ประกอบด้วยเทคนิคหลายอย่างที่ออกแบบมาเพื่อให้เนื้อหาและโครงสร้างทางเทคนิคของร้านค้าสอดคล้องกับอัลกอริทึมที่เสิร์ชเอนจินอย่าง Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์

กระบวนการเริ่มต้นจาก การวิจัยคีย์เวิร์ด โดยค้นหาคำและวลีที่ลูกค้าศักยภาพใช้ในการค้นหาสินค้าที่คล้ายกับของคุณ คีย์เวิร์ดเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในตำแหน่งต่าง ๆ ของเว็บไซต์ เช่น ชื่อสินค้า คำอธิบาย รวมถึง URL และแท็กภาพ แต่ว่า WooCommerce SEO ไม่ได้เกี่ยวกับคีย์เวิร์ดเท่านั้น ยังรวมถึงการปรับโครงสร้างเว็บไซต์เพื่อให้เสิร์ชเอนจินสามารถเก็บข้อมูลและทำดัชนีเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการสร้างโครงสร้างการนำทางที่สมเหตุสมผล การเชื่อมโยงภายในที่มีประสิทธิภาพ และการใช้ HTTPS เพื่อความปลอดภัย

นอกจากนี้ การทำ Speed Optimization ก็มีความสำคัญเช่นกัน เสิร์ชเอนจินจะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่โหลดได้รวดเร็วเนื่องจากให้ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีกว่า เทคนิคเช่นการบีบอัดภาพ การใช้การแคชของเบราว์เซอร์ และการปรับเวลาตอบสนองของเซิร์ฟเวอร์ช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์

สุดท้าย การทำ WooCommerce SEO ยังต้องปรับร้านค้าให้รองรับการใช้งานบนมือถือ เนื่องจากการค้าบนมือถือเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การทำให้ร้านค้ารองรับอุปกรณ์มือถืออย่างราบรื่นหมายถึงการปรับให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลได้อย่างเหมาะสมบนหน้าจอขนาดต่าง ๆ

การรวมกลยุทธ์เหล่านี้เข้าด้วยกันจะช่วยดึงทราฟฟิกที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น ปรับปรุงการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเพิ่มอัตราการแปลง ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยเพิ่มยอดขายและผลประกอบการของธุรกิจ

WooCommerce SEO แตกต่างจาก eCommerce SEO ทั่วไป ตรงที่มีการปรับแต่งที่เฉพาะเจาะจงเพื่อใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์และความสามารถพิเศษของแพลตฟอร์ม WooCommerce ซึ่งสร้างขึ้นบน WordPress WooCommerce มาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานและปลั๊กอินที่สามารถปรับแต่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ได้ดีขึ้น ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้อาจไม่มีในแพลตฟอร์ม eCommerce อื่น ๆ เช่น Shopify หรือ Magento

ตัวอย่างเช่น WooCommerce สามารถผสานการทำงานกับปลั๊กอิน SEO ของ WordPress เช่น Yoast SEO ได้อย่างไร้รอยต่อ ปลั๊กอินเหล่านี้มอบเครื่องมือและคำแนะนำที่ครอบคลุมสำหรับการปรับแต่งทั้งเนื้อหาและเทคนิค SEO ได้โดยตรงจากแดชบอร์ดของ WordPress การผสานนี้ช่วยให้สามารถควบคุมรายละเอียดต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น เมตาแท็ก, แผนผังเว็บไซต์ (sitemap) และคุณสมบัติการแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งในแพลตฟอร์มอื่น ๆ อาจต้องใช้เครื่องมือแยกหรือการปรับแต่งที่มากกว่า

นอกจากนี้ ความยืดหยุ่นในการออกแบบและพัฒนาของ WooCommerce ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งกลยุทธ์ SEO ได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น ต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่อาจมีข้อจำกัดในการตั้งค่าหรือการเลือกใช้งาน WooCommerce สามารถใช้ประโยชน์จากปลั๊กอินต่าง ๆ ของ WordPress ได้เต็มที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เช่น การปรับความเร็วเว็บไซต์ การสร้างประเภทโพสต์ที่กำหนดเอง ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลอย่างมากต่อ SEO

สุดท้าย เนื่องจาก WooCommerce เป็นแพลตฟอร์มแบบ self-hosted เจ้าของร้านสามารถควบคุมด้านเทคนิคได้มากขึ้น เช่น การเข้าถึงไฟล์และการจัดการฐานข้อมูล ซึ่งสามารถปรับแต่งให้เว็บไซต์ทำงานได้ดีขึ้น และส่งผลต่อผลลัพธ์ SEO ในทางบวก

การทำ WooCommerce SEO ให้มีประสิทธิภาพต้องประกอบไปด้วยหลายองค์ประกอบสำคัญเพื่อเพิ่มการมองเห็นและการจัดอันดับของร้านค้าในผลการค้นหาของเครื่องมือค้นหา ต่อไปนี้คือองค์ประกอบที่สำคัญที่สุด:

  1. การเพิ่มประสิทธิภาพชื่อสินค้าและคำอธิบายสินค้า: ชื่อสินค้าและคำอธิบายควรจะดึงดูดลูกค้าและมีการเพิ่มคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บ ทำให้สินค้ามีโอกาสปรากฏในผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องมากขึ้น

  2. การเพิ่มประสิทธิภาพเมตาดาต้า: ซึ่งรวมถึง ชื่อหน้า (page title), เมตาดิสคริปชัน (meta description) และ ข้อความแสดงทางเลือก (alt text) สำหรับภาพ เมตาดิสคริปชันที่ดีสามารถเพิ่มอัตราการคลิกจากผลการค้นหามายังเว็บไซต์ ขณะที่ข้อความแสดงทางเลือกช่วยให้เครื่องมือค้นหาสามารถตีความรูปภาพได้ ซึ่งมีความสำคัญต่อการจัดอันดับ โดยเฉพาะในการค้นหารูปภาพ

  3. การเพิ่มความเร็วเว็บไซต์: เวลาในการโหลดหน้าเว็บมีผลต่อทั้งการจัดอันดับของเครื่องมือค้นหาและประสบการณ์ของผู้ใช้ การเพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพ การใช้ caching และการลดโค้ดที่ไม่จำเป็นเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำให้ร้าน WooCommerce ของคุณโหลดได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล

  4. การเพิ่มประสิทธิภาพบนมือถือ: การออกแบบเว็บไซต์ให้เหมาะกับอุปกรณ์มือถือ (responsive design) มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากมีการใช้งานมือถือในการช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การออกแบบที่ตอบสนองสามารถปรับเปลี่ยนเลย์เอาต์ของเว็บไซต์ให้เหมาะกับอุปกรณ์ต่าง ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการนำทางและการชำระเงินบนมือถือ

  5. เว็บไซต์ที่มีความปลอดภัย (HTTPS): ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญทั้งสำหรับเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งาน การทำให้ร้าน WooCommerce ของคุณใช้ HTTPS จะช่วยเข้ารหัสข้อมูลที่แลกเปลี่ยนในเว็บไซต์ เพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลของผู้ใช้ และช่วยเพิ่มอันดับ SEO เนื่องจากเครื่องมือค้นหามักจะให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ปลอดภัย

  6. การใช้ข้อมูลที่มีโครงสร้าง (Structured Data): การใช้ Schema Markup เพื่อให้รายละเอียดกับเครื่องมือค้นหาเกี่ยวกับสินค้า เช่น ราคา ความพร้อมใช้งาน และรีวิว จะช่วยเพิ่มการมองเห็นในผลการค้นหา การแสดงข้อมูลแบบริชสแนปสามารถช่วยเพิ่มอัตราการคลิกและปรับปรุงอันดับการค้นหาได้

การวัดความสำเร็จของการทำ SEO สำหรับ WooCommerce นั้นสามารถทำได้โดยการติดตามตัวชี้วัดต่าง ๆ ที่แสดงถึงผลกระทบจากการปรับแต่ง SEO ต่อประสิทธิภาพของร้านค้า ตัวชี้วัดสำคัญได้แก่:

  • ปริมาณการเข้าชมจากการค้นหา (Traffic Metrics): ใช้เครื่องมืออย่าง Google Analytics เพื่อตรวจสอบจำนวนการเข้าชมจากการค้นหาผ่านเสิร์ชเอนจิน (Organic Traffic) และตรวจดูว่าปริมาณการเข้าชมจากเสิร์ชเอนจินเพิ่มขึ้นตามผลลัพธ์จากการทำ SEO หรือไม่

  • อัตราการปิดการขาย (Conversion Rate): ไม่ใช่แค่การดึงคนเข้ามาในเว็บเท่านั้น แต่ต้องดูด้วยว่าคนเหล่านั้นเปลี่ยนเป็นลูกค้าจริงหรือไม่ โดยการติดตามอัตราการปิดการขายว่ามีเพิ่มขึ้นหลังจากที่ทราฟฟิกเพิ่มขึ้นหรือไม่

  • การจัดอันดับคีย์เวิร์ด (Keyword Rankings): ตรวจสอบว่าคีย์เวิร์ดที่คุณทำการปรับแต่งอยู่ในอันดับไหนบนเสิร์ชเอนจิน หากการจัดอันดับดีขึ้น มักจะตามมาด้วยการเข้าชมที่เพิ่มขึ้น

  • อัตราการตีกลับ (Bounce Rates): หากอัตราการตีกลับสูง อาจหมายความว่าคอนเทนต์ของคุณยังไม่ดึงดูดหรือไม่ตรงกับสิ่งที่ผู้เข้าชมกำลังมองหา การปรับคอนเทนต์ให้ตรงกับความต้องการผู้ใช้จะช่วยลดปัญหานี้ได้

  • ยอดขายและรายได้ (Sales and Revenue): เป้าหมายของ SEO ไม่ได้อยู่แค่การเพิ่มการมองเห็นหรือการเข้าชม แต่คือการเพิ่มยอดขายด้วย การเปรียบเทียบยอดขายก่อนและหลังจากการทำ SEO จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนว่าวิธีการที่ใช้ประสบความสำเร็จหรือไม่

  • การมีส่วนร่วมของลูกค้า (Customer Engagement): ติดตามการดูหน้าเพจต่อการเข้าชม (Page views per visit) และเวลาที่ใช้ในเว็บไซต์ หากลูกค้ามีส่วนร่วมมากขึ้น แสดงว่าคอนเทนต์ของคุณน่าสนใจและมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการดึงดูดและรักษาลูกค้า

ความผิดพลาดทั่วไปในการทำ WooCommerce SEO อาจทำให้ประสิทธิภาพของร้านค้าออนไลน์ลดลงและทำให้การเข้าถึงของเว็บไซต์ลดลง ซึ่งรวมถึง:

  • ละเลยการปรับเว็บไซต์ให้เหมาะกับมือถือ: การออกแบบเว็บไซต์ที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้งานบนมือถือสามารถจำกัดการเข้าถึงและลดประสบการณ์ของผู้ใช้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การช้อปปิ้งผ่านมือถือได้รับความนิยมอย่างมาก

  • การไม่ปรับขนาดและใส่ข้อมูลรูปภาพอย่างเหมาะสม: รูปภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไปอาจทำให้หน้าเว็บโหลดช้า ส่งผลเสียต่อประสบการณ์ผู้ใช้และการจัดอันดับใน SEO นอกจากนี้ การไม่ใส่ alt text สำหรับรูปภาพก็ทำให้เสียโอกาสในการเพิ่มการมองเห็นในเครื่องมือค้นหา

  • ละเลยการใช้ Rich Snippets สำหรับสินค้า: การไม่ใช้ rich snippets ทำให้พลาดโอกาสในการแสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับสินค้า เช่น ราคา ความพร้อมในการขาย และคะแนนรีวิว ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้ซื้อได้

  • ละเลยการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาทางเทคนิค SEO: ปัญหาทางเทคนิค เช่น ลิงก์เสีย การมีเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน หรือการใช้ URL ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ SEO ของเว็บไซต์เสียหายได้ การตรวจสอบและแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาประสิทธิภาพ SEO

  • ไม่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหา: เนื้อหาที่ไม่ดีหรือไม่น่าสนใจทำให้ไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้ได้ การเขียนคำอธิบายสินค้าอย่างมีคุณภาพและเพิ่มเนื้อหาที่มีประโยชน์จะช่วยให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บทความที่เกี่ยวข้อง

เจาะลึกเทรนด์อุตสาหกรรม
ผ่านมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำ